วันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

                        ประวัติสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์
สมเด็จพระนางเรือล่ม นางผู้เป็นที่รักยิ่งของพระพุทธเจ้าหลวง
 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.5







สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระองค์ทรงเป็นพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ลำดับที่ 50ในจำนวนทั้งหมด 82 พระองค์  มีพระมารดาคือ สมเด็จพระปิยมาวดีศรีพัชรินทรมาตา (เจ้าจอมมารดาเปี่ยม) ประสูติเมื่อวันเสาร์ที่ 10 พฤศจิกายน ปีวอก พ.ศ. 2403 ณ พระบรมมหาราชวัง พระองค์เจ้าสุนันทาฯ ทรงถวายองค์เป็นพระมเหสีในรัชกาลที่ 5 เมื่อเจริญพระชนมายุได้ 17 พรรษาหลวง เวลานั้นพระบรมราชสวามีแก่ชันษากว่า 7 ปี  ( ร.5 24 พรรษา )
             ด้วยมี พระสิริโฉมงดงาม พระสติปัญญาฉลาดเฉียบแหลม จึงได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระอิสริยยศขึ้นเป็น พระอัครมเหสีและยังเป็นที่โปรดปรานสนิทเสน่หายิ่งกว่าพระอัครมเหสีองค์อื่นๆ พระองค์เจ้าสุนันทาฯ ทรงรับราชการรับใช้สนองพระเดชพระคุณชิดใกล้เป็นที่สนิทเสน่หาในพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวยิ่งนัก ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ตามเสด็จและรับใช้ใกล้ชิดดั่งเป็นปิยมหาราชินีเสมอ นอกจากทรงมีพระรูปโฉมงดงามแล้ว ก็ยังทรงมีพระสติปัญญาฉลาดล้ำ ทรงมีพระอัธยาศัยจริงจังเด็ดขาด ปฏิบัติข้อราชการและรับสั่งด้วยความเฉียบคมชัดเจนเสมอเป็นที่ประจักษ์แก่ หมู่ข้าหลวงชาววังทั่วไปซึ่งเล่าขานกันว่าพระอุปนิสัยรับสั่งเฉียบคมนี้ทรง มีตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์แล้ว

         ได้ทรงเป็นพระอัครมเหสีพระองค์แรกในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ต่อมาเมื่อพระนางเจ้าสุนันทาฯ ทรงพระครรภ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ยิ่งทรงมีพระเมตตาและห่วงใยพระมเหสีผู้เป็นที่ สนิทเสน่หาพระองค์นี้ยิ่งขึ้น ทรงใส่พระทัยตลอดเวลาและเสด็จมาประทับเฝ้าพระอาการในช่วงที่ประสูติพระราช ธิดาด้วย เมื่อประสูติพระราชธิดา "สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์ฯ" แล้วสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงก็ทรงพระราชทานของขวัญแก่พระองค์เจ้าสุนันทาฯ เป็นนาฬิกาฝังเพชรและพระธำมรงค์ประดับเพชร 2 วง ซึ่งนับว่าสูงค่ากว่าของขวัญที่เคยพระราชทานแก่พระมเหสีและเจ้าจอมอื่น ๆ ทั้งปวง ประสูติสมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระองค์แรกวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2421 คือ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์ โสภางคทัศนิยลักษณ์ อรรควรราชกุมารี เป็นพระราชธิดาองค์ที่ 21


          สมเด็จพระ นางเจ้าสุนันทาฯ ทรงมีพระราชธิดา พระองค์แรกเมื่อพระชนมายุได้ 19 พรรษา ขณะกำลังเสด็จฯ มายัง พระราชวังบางปะอินพระองค์ก็ทรงพระครรภ์ได้ 5 เดือน ณ วันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2423 การเดินทางนี้เป็นการเสด็จพระราชดำเนินทางชลมารค สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ เสด็จประทับบนเรือพระที่นั่งกับพระราชธิดา โดยมีพระพี่เลี้ยงตามเสด็จด้วย เมื่อเรือที่ประทับแล่นตามแม่น้ำเจ้าพระยาไปถึงตำบลบางพูด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ถูกเรือพระองค์เจ้าเสาวภาผ่องศรี (พระพันปีหลวง หรือสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถบรมราชชนนี )แล่นแซง อีกทั้งนายท้ายเรือของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทาฯ เมาเหล้าขาดสติในการบังคับเรือ จึงทำให้เรือล่มลง แต่ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปช่วยเหลือ เนื่องจากเกรงกลัวกฎมณเฑียรบาลที่ว่า ห้ามผู้ใดแตะต้องพระวรกายพระมเหสีมิฉะนั้นจะถูกประหารทั้งโคตร ทั้งที่พระองค์ก็ทรงว่าน้ำได้ แต่เพราะความที่ทรงห่วงพระราชธิดา จึงต้องสิ้นพระชนม์ไปพร้อมๆกัน 
สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ทรงอุ้มสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์



            
พระราชประวัติ

  • สมเด็จ พระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี เป็นพระเจ้าลูกเธอพระองค์ที่ 50 ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.4 และลำดับที่ 3 ซึ่งประสูติแต่เจ้าจอมมารดาเปี่ยม (สมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา) ทรงพระราชสมภพในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันเสาร์ เดือน12 แรม 12 ค่ำ ปีวอก เวลา 5 โมงเช้า 40 นาที ซึ่งตรงกับวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2403 โดย ได้รับพระราชทานพระนามจากสมเด็จพระราชบิดาว่า พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ซึ่งคำว่า สุนันทานั้น เป็นนามของพระมเหสี 1 ใน 4 พระองค์ของพระอินทร์ นอกจากนี้ ยังได้รับพระราชทานพรเป็นภาษามคธ ซึ่งสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ได้ทรงพระนิพนธ์แปลเป็นภาษาไทยไว้ว่า พระองค์ เจ้าองค์นี้ ทรงนามว่า สุนันทากุมารีรัตน์อย่างนี้ดังนี้ จงอย่ามีโรค จงมีความสุข ปราศจากความทุกข์และความวุ่นวายเถิด พระองค์เจ้าหญิงนั้นจงมั่งคั่งด้วยทรัพย์มาก มีโภคมาก มียศและบริวารไม่แปรผัน ขอพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ กับทั้งอารักขเทวดา จงช่วยอภิบาลรักษา พระองค์เจ้าหญิงสุนันทากุมารีรัตน์นั้นให้พ้นภัยจากอันตรายเป็นนิตย์ ขอความสัมฤทธิ์จงมีแก่พระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์เทอญ 
พระองค์ ทรงมีพระเชษฐาและพระขนิษฐาร่วมพระมารดาทั้งสิ้น 6 พระองค์ ได้แก่ 
  • พระองค์เจ้าอุณากรรณอนันตนรไชย 
  • พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ 
  • พระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ 
  • พระองค์เจ้าสว่างวัฒนา 
  • พระองค์เจ้าเสาวภาผ่องศรี
  • พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ 
         ภาย หลังการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 พระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ซึ่งขณะนั้นมีพระชันษาเพียง 8 ปี จึงเปลี่ยนพระฐานันดรศักดิ์จาก พระเจ้าลูกเธอเป็นพระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์และเมื่อพระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ได้ถวายตัวรับราชการเป็นภรรยาเจ้าเมื่อพระชนมายุประมาณ 15 – 16 พรรษา

ซึ่งนับได้ว่าเป็นภรรยาเจ้าพระองค์ที่หกในรัชกาลที่ 5 จึงดำรงพระอิสริยยศเป็น พระนางเธอ พระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์
พระองค์ เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ทรงเป็นคนแข็ง แกร่งกล้า เด็ดขาดในบางเรื่อง แต่ด้วยพระสิริโฉม รวมทั้งพระอัธยาศัยที่สุภาพ เรียบร้อย และสงบเสงี่ยม ทำให้พระองค์เป็นที่นับถือในพระบรมวงศานุวงศ์ และข้าราชบริพาร และทรงเป็นที่สนิทเสน่หาในพระราชสวามียิ่งนัก

เสร็จทิวงคต
  • วันจันทร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2423 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการให้แต่งเรือพระที่ นั่งเพื่อเสด็จประพาสพระราชวังบางปะอินพร้อมพระมเหสีทุกพระองค์ เจ้าจอมมารดา เจ้าจอม และข้าราชบริพาร โดยก่อนวันตามเสด็จพระราชดำเนินนั้น พระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ทรงพระสุบินว่า พระองค์พร้อมด้วย
สมเด็จ พระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพชรรัตน์ พระราชดำเนินข้ามสะพานแห่งหนึ่ง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพชรรัตน์พลัดตกน้ำลงไป พระองค์สามารถคว้าพระหัตถ์ เอาไว้ได้ แต่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพชรรัตน์ก็ลื่นหลุดพระหัตถ์ไป พระองค์ทรงคว้าพระหัตถ์พระเจ้าลูกเธอจนตกน้ำลงไปด้วย
  • ถึงแม้ว่าพระองค์ จะหวั่นพระทัย แต่ก็มิได้ทรงกราบบังคมทูลให้พระราชสวามีทรงทราบ และได้ตามเสด็จฯ ประพาสพระราชวังบางปะอินตามพระราชประสงค์ในวัน เสด็จฯ นั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้เคลื่อนขบวน เรือต่าง ๆ ออกไปก่อนในเวลาประมาณ 2 โมงเช้า โดยพระองค์เจ้าสุนันทา กุมารีรัตน์และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพชรรัตน์ประทับบนเรือเก๋งกุดันโดยมีเรือปานมารุตซึ่ง เป็นเรือกลไฟจูงเรือพระประเทียบ หลังจากที่
  • พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัวเสร็จพระราชกิจแล้วจึงได้เสด็จพระราชดำเนินด้วยเรือพระที่นั่ง โสภาณภควดีตามไป เมื่อขบวนเรือพระที่นั่งไปถึงบางตลาดนั้น จมื่นทิพเสนา กับปลัดวังซ้ายลงมากราบทูลว่าเรือพระที่นั่งพระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ซึ่งเรือปานมารุตจูงไปนั้นล่มที่บางพูด สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพชรรัตน์สิ้นพระชนม์

  • หลัง จากนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าจึงได้ทรงไล่เลียงกรมหมื่นอดิศรอุดมเดช พระยามหามนตรี และผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ โดยพระยามหามนตรีทูลว่าเรือราชสีห์ ซึ่งจูงเรือพระองค์เจ้าสุขุมาลมารศรีนั้นนำหน้าไปทางฝั่ง ตะวันออก โดยมีเรือโสรวารซึ่งพระยามหามนตรีไปจูงเรือพระองค์เจ้าเสาวภาผ่องศรีตามไป เป็นที่สองในแนวเดียวกัน ส่วนเรือยอร์ชสมเด็จกรมหลวงวรศักดาซึ่งจูงเรือสมเด็จพระสุดารัตน์ราชประยูร ไปทางฝั่งตะวันตกแล่นตรงกันกับเรือราชสีห์ หลังจากนั้น เรือปานมารุตแล่นสวนขึ้น มาช่องกลางห่างเรือโสรวารประมาณ 10 ศอก พอเรือปานมารุตแล่นขึ้นไปใกล้ เรือราชสีห์ก็เบนหัวออก เรือพระประเทียบเสียท้ายปัดไปทางตะวันออก ศีรษะเรือไปโดนข้างเรือโสรวารน้ำเป็นละลอกปะทะกัน กดศีรษะเรือพระประเทียบจมคว่ำลงอย่างไรก็ตาม กรมหมื่นอดิศรกล่าวว่าเป็นเพราะเรือโสรวารหนีตื้นออกมา จึงเป็นเหตุให้เรือปานมารุตแล่น ห่างกว่า 10 ศอกซึ่งกรมหมื่นอดิศรและพระยามหามนตรีต่างซัดทอดกันไปมา โดยในขณะที่เรือล่มนั้นพระยามหามนตรีก็ได้ออกคำสั่งห้ามผู้ใดลงไปช่วย เหลือ 
  • ด้วยเป็นการขัดต่อกฎมณเฑียรบาลที่ห้ามให้ผู้ใดแตะต้องพระวรกายของพระ มเหสี มิฉะนั้นจะถูกประหารทั้งตระกูล หลังจากนั้น จึงโปรดเกล้าฯ ให้เจ้านายขึ้นไปไล่เลียงคนอื่น ๆ ดู แล้วจึงได้ความว่า พระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ก็สิ้นพระชนม์พร้อมด้วยพระราชบุตรในพระครรภ์ พระชนม์ 5 เดือนเต็ม ทำให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าทรงเสียพระทัยยิ่งนัก และเนื่องจากเหตุการณ์นี้ทำให้มหาชนถวายพระนามพระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ว่า สมเด็จพระนางเรือล่ม

    การออกพระนาม
    • การ ทิวงคตของพระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์นั้นทำให้เกิดปัญหาในการออกพระนามใน ประกาศทางราชการ เนื่องจากยังไม่มีการสถาปนาฐานันดรศักดิ์แห่งพระมเหสีแต่ประการใด ดังนั้น จึงมีการออกพระนามเป็นลำดับ ได้แก่ เมื่อ วันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2423 นั้น กรมหมื่นนเรศรเข้าไปเฝ้ากราบบังคมทูลด้วยพระนามพระองค์เจ้าสุนันทา ว่า สมเด็จกรมพระจะทรงออกตราเกณฑ์ไม้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ใช้ สมเด็จพระนางเจ้า อย่างสมเด็จพระนางโสมนัสดังนั้น จึงออกพระนามว่า สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์
    หลัง จากนั้น เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2423 มีรับสั่งให้กรมหมื่นนเรศรไปทูลสมเด็จกรมพระว่า พระนามนั้นให้ใช้แต่สมเด็จพระนางเธอเนื่องจากสมเด็จพระนางเจ้านั้นไว้ใช้สำหรับการแปล เป็นคำอังกฤษว่า ควีน ดังนั้น จึงออกพระนามว่า สมเด็จพระนางเธอสุนันทากุมารีรัตน์ และใช้ภาษาอังกฤษว่า Princess ส่วนสมเด็จพระนางเจ้านั้นให้ใช้กับคำว่า Queen ในภาษาอังกฤษ โดยให้ใช้เป็นสมเด็จพระนางเจ้าตามด้วยชื่อ และต่อท้ายด้วยพระราชเทวีต่อ มาในวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2423 ให้เปลี่ยนพระนามเป็นจากสมเด็จพระนางเธอเป็น สมเด็จพระนางเจ้า สุนันทากุมารีรัตน์ หลังจากนั้น พระองค์ได้รับการเฉลิมพระนามาภิไธยเป็น สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวีพร้อมกับสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี
 สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี (พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า)

 
พระราชมรดก
  • หลัง จากสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวีสวรรคตลง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงแบ่งพระราชทรัพย์ของพระนางให้ แก่พระญาติของพระนาง โดยพระองค์พระราชทานเครื่องยศสำหรับผู้หญิงให้แก่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพาหุรัดมณีมัย พระราชธิดาในพระองค์และพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระราชเทวี (พระยศขณะนั้น) ซึ่งเป็นหลานอันสนิทของพระนางเจ้าที่ได้เลี้ยงดูกันมา ซึ่งมีรายการดังต่อไปนี้
        1. เครื่องยศพานหมากทองคำลงยาราชาวดี
2. ผอบทองคำลงยาราชาวดีปริกประดับเพชร
3. จอกหมากทองคำลงยาราชาวดี
4. ซองพลูทองคำลงยาราชาวดี
5. ตลับขี้ผึ้งรูปผลลิ้นจี่ประดับทับทิมมีสายสร้อยห้อยแขวน-ไม้ควักหูจิ้มฟัน6. ประดับเพชรบ้างเล็กน้อย
7. หีบหมากทองคำลงยาราชาวดี หลังเป็นลายสระบัว มีมงกุฎกษัตรียประดับเพชรพลอยบ้าง
8. ตลับเครื่องในทองคำลงยาราชาวดี หลังประดับมรกต เพชรสามใบเถา
9. พานทองคำลงยาราชาวดี สำหรับรองหีบหมาก
10. ขันครอบทองคำลงยาราชาวดี จอกลอย และพานรอง
11. ขันล้างหน้าทองคำลงยาราชาวดีพานรอง
12. กาน้ำร้อยหูหิ้วมีถาดรองทองคำลงยาราชาวดี
13. กระโถนเล็กทองคำลงยาราชาวดี
14. โต๊ะเงินสำหรับเครื่องคาวและหวาน
แต่ หีบหลังประดับเพชรมีตลับสามใบเถานั้น ทรงมอบให้แก่พระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระราชเทวี ซึ่งเป็นพระขนิษฐาของพระนางเจ้า ส่วนสิ่งของอื่น ๆ นั้น พระองค์ทรงแบ่งออกพระราชทานให้แก่พระเชษฐา พระขนิษฐา และพระนัดดาของพระนาง ได้แก่ สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี, พระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระราชเทวี, สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ, สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพาหุรัดมณีมัย, สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ, พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ และพระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ ส่วนของที่พระองค์ทรงให้คืนพระคลัง ได้แก่ กล่องจุลจอมเกล้า 1ใบ และหีบกะไหล่โปร่ง 1 ใบ

งานออกพระเมรุ พระศพสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์

อนุสรณ์สถาน
              หลัง จากที่สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวีเสด็จทิวงคตแล้วนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ได้สร้างอนุสรณ์สถานขึ้นหลายแห่ง เพื่อระลึกถึงสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ โดยแต่ละแห่งนั้น เป็นสถานที่ที่สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์เคยตามเสด็จฯ และทรงโปรดปรานเป็นพิเศษ ได้แก่
1. อนุสาวรีย์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ณ น้ำตกพริ้ว จังหวัดจันทบุรี ภายในบรรจุพระสรีรางคารของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ไว้ด้วย มีลักษณะเป็นรูปทรง พีระมิดพร้อมคำจารึก โดยเหตุที่สร้างสถูปเป็นรูปทรงนี้ก็มาจากพระราชดำริของรัชกาลที่ 5 ที่ว่า " ทำเป็นรูปอื่นอาจไม่คงทนถาวร เพราะตั้งอยู่กลางป่าเขาลำเนาไพร อันไม่มีผู้ดูแล
ฉะนั้น เมื่อปิรามิดของอียิปต์ยืนยงคงทนอยู่ได้ฉันใด ปิรามิดน้อยนี้ก็จะยืนยงคงทนอยู่เช่นกัน ณ ท่ามกลางป่าเขาและเสียงไหลรินของธารพลิ้ว "



 รูปทรง พีระมิดพร้อมคำจารึก 







 
สถูปพระนางเรือล่ม อยู่ในบริเวณ น้ำตกพลิ้ว สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 (พ.ศ. 2424) เพื่อเป็นที่ระลึกแก่สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี ภายในสภูปพระนางเรือล่มบรรจุพระอังคารของพระนางเจ้าฯ ด้วย เนื่องจากพระองค์ท่านเคยเสด็จประพาส น้ำตกพลิ้ว เมื่อ พ.ศ. 2417 และทรงโสมนัส ชื่นชม ความงามธรรมชาติของน้ำตกพลิ้วยิ่งนัก






อนุเสาวรีย์พระนาางเรือล่ม อยู่ในบริเวณ น้ำตกพลิ้ว




 สถูปพระนางเรือล่ม อยู่ในบริเวณ น้ำตกพลิ้ว

 2. อนุสาวรีย์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ณ สวนสราญรมย์ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2526 ตัวอนุสาวรีย์ทำด้วยหินอ่อนสีขาวมียอดเป็นปรางค์ภายในบรรจุพระสรีรางคารของ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ไว้ด้วย และมีคำจารึกแสดงความทุกข์โทมนัสของรัชกาลที่ 5 บนแผ่นหินอ่อน

 อนุสาวรีย์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ณ สวนสราญรมย์ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2426

3. อนุสาวรีย์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ณ พระราชวังบางปะอิน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างอนุสรณ์แห่งความรักแห่งนี้ขึ้น มีลักษณะเป็นฐานรูปทรงสี่เหลี่ยมและยอดหกเหลี่ยมทรงสูง สร้างด้วยหินอ่อนจากประเทศอิตาลี พร้อมทั้งได้เสด็จพระราชดำเนินเปิดอนุสาวรีย์เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม
พ.ศ. 2426 ซึ่งตรงกับวันที่สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์เสด็จทิวงคตครบรอบ 3 ปี




อนุสาวรีย์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ที่พระราชวังบางปะอิน
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเปิดอนุสาวรีย์นี้เมื่อ วันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2426 มีบันทึกในจดหมายเหตุว่า"… เวลาเช้าย่ำรุ่งเศษ เสด็จออกโรงละครในพระราชอุทยานทรงจุดเทียนนมัสการ พระอมราภิรักขิตถวายศีล พระสงฆ์ถวายพระพรไปหยุดที่ชยันโตรอพระฤกษ์ ครั้นได้พระฤกษ์ตรงเวลาโมง 1 กับ 6 นาที ทรงชักเชือกเปิดคลุมอนุสาวรีย์ที่ระลึกสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี มีประโคม พระสงฆ์ ชยันโต ทรงโปรยพระสุหร่าย ทรงเจิม และทรงวางพวงมาลาใบไม้แล้ว โหรติดผ้าสีชมพูแล้วทรงประเคน " การที่ทรงเปิดอนุสาวรีย์ในวันนี้ เพราะตรงกับวันทิวงคฅของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2423......อนุสาวรีย์ที่พระราชวังบางปะอิน เป็นอนุสาวรีย์สร้างด้วยหินอ่อน ตอนกลางเป็นรูปสี่เหลี่ยม ด้านตะวันตกมีจารึกเป็นภาษไทย ทางด้านใต้ของอนุสาวรีย์ทำเป็นรูปช่อดอกไม้ และใบไม้ล้อมพระนามย่อ " สกร " อยู่ภายใต้มงกุฎ ทางด้านเหนือทำเป็นรูปช่อดอกไม้ หรือพวงหรีดล้อมเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์ คำจารึกที่อนุสาวรีย์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ นางผู้เป็นที่รักยิ่ง 


สุนันทานุสาวรีย์ ภายในสุสานหลวงวัดราชบพิธฯ
            ในสุสาน หลวงของ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ซึ่งเป็นสุสานหลวงที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่ออุทิศพระราชกุศลแก่พระบรมราชเทวี พระราชเทวี เจ้าจอมมารดา ตลอดจนพระราชโอรสธิดา และพรบรมวงศานุวงศ์ ก็มี "สุนันทานุสาวรีย์" ซึ่งเป็นที่บรรจุพระสรีรางคารสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ บรมราชเทวี และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพชรรัตน์ พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สุนันทานุสาวรีย์นี้สร้างเป็นรูปแบบเจดีย์สีทอง โดยมีเจดีย์ที่มีลักษณะคล้ายกันอีก 3 องค์ ซึ่งเป็นที่เก็บอัฐิของสมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (สว่างวัฒนา) สมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง (เสาวภาผ่องศรี) และสมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี  แม้อนุสรณ์ แห่งความรักของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์นั้นจะไม่ยิ่งใหญ่เทียบเท่าทัชมาฮาล แต่ก็แสดงออกถึงความรักและอาลัยในพระราชหฤทัยของพระองค์ได้เป็นอย่างดียิ่ง
              
                ริมฝั่ง แม่น้ำเจ้าพระยา ณ วัดกู้ซึ่งตั้งอยู่ใน ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี 
 พระนางเรือล่มดวงวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่วัดกู้
               ริมฝั่ง แม่น้ำเจ้าพระยา ณ วัดกู้ซึ่งตั้งอยู่ใน ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ซึ่งในอดีตสถานที่นี้คือ จุดเกิดโศกนาฏกรรมครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ ยุคแผ่นดินพระพุทธเจ้าหลวงรัชกาลที่ 5 เพราะเหตุที่สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทาฯ ทรงสิ้นพระชนม์จากเรือพระที่นั่งล่มที่หน้าวัดกู้ กลางลำน้ำเจ้าพระยา จ.นนทบุรี ชาวบ้านจึงได้ร่วมใจตั้งศาลพระนางเรือล่มขึ้น เพื่อเป็นอนุสรณ์ว่าครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ บริเวณนี้เคยเป็นสถานที่กู้พระศพของพระองค์ ซึ่งต่อมาหลังจากผ่านเหตุการณ์นี้มานานมากแล้ว ก็ยังเกิดเรื่องเล่าถึงดวงวิญญาณพระนางเรือล่มตามมามากมาย




 
  • มีผู้พบ เห็น และร่วมอยู่ในเหตุการณ์ความศักดิ์สิทธิ์ของดวงพระวิญญาณพระนางเรือล่มหลาย ครั้ง โดยชาวบ้านในละแวกวัดเล่าว่า ในสมัยก่อนที่หน้าศาลของพระนางเรือล่ม มักมีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นเสมอ โดยหลายๆครั้ง จะมีฝูงจระเข้ว่ายน้ำมาคำนับที่หน้าศาลอยู่เป็นประจำ ทั้งที่ปกติจระเข้มักว่ายอยู่ใต้น้ำ แต่อาจเป็นเพราะจระเข้รับรู้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ท่าน ดังนั้นเวลาว่ายน้ำผ่านหน้าศาลทีไร จระเข้ทุกตัวเป็นต้องลอยตัวขึ้นมาคำนับทุกครั้งไป
  •  อาถรรพณ์จาก ความศักดิ์สิทธิ์ของพระนางเรือล่มยังมีเล่ากันต่อมาอีกว่า เคยมีบางคนลบหลู่ไม่เชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ พูดจาดูหมิ่นขณะพูดจบไม่ทันไรก็มีอาการแปลกๆเกิดขึ้น โดยจู่ๆก็วิ่งไปที่ท่าน้ำไม่รู้เนื้อรู้ตัว ทำท่าจะกระโดดน้ำตาย หรืออย่างบางคนที่ชอบมาท้าสาบานที่ศาลของพระองค์ว่า ถ้าผิดจริงขอให้จมน้ำตาย ปรากฏว่าได้ตายสมใจ โดยตายอยู่ในอ่างน้ำตื้นๆ ดังนั้นถ้าใครคิดมาลองสาบานอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าที่ศาลพระนางเรือล่มที่วัดกู้ ต้องขอบอกก่อนว่าอย่าเสี่ยงเป็นอันขาด

  •   ทุกวันนี้ ชาวบ้านแถบ จ.นนทบุรี และผู้ที่มาจากต่างจังหวัดยังคงแวะเวียนมากราบไหว้พระนางเรือล่มที่ศาลอยู่ ตลอดเวลา สิ่งที่นิยมนำมาถวายพระองค์ท่านก็คือกล้วยเผา มะพร้าวอ่อนและพวงมาลัยมะลิสด ส่วนศาลที่เห็นในปัจจุบันจะมี 2 ศาล คือศาลที่อยู่ริมน้ำกับศาลที่ตั้งอยู่ภายในวัด ซึ่งศาลนี้อันที่จริงเป็นศาลเดิม เมื่อร้อยกว่าปีก่อน ศาลนี้เดิมก็อยู่ริมน้ำ แต่เพราะเวลาผ่านไปทำให้ดินทับถมกลายเป็นแผ่นดินงอกใหม่ ศาลนี้เลยกลายเป็นตั้งอยู่บนดินไป 


ศาลใหม่ริมน้ำ วัดกู้ ปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
  •  ความรักและ ความอาลัยในตัวสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทาฯ นี้ ทำให้พระบาทพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโศกสลดถึงที่สุด และได้ทรงสร้างอนุสรณ์สถานขึ้นหลายแห่งตามสถานที่ต่างๆ เพื่อเป็นที่ระลึกถึงพระมเหสีอันเป็นที่รักของพระองค์ เหตุการณ์ คราวนั้นถึงกับทำให้ เจ้าเหนือหัวของคนไทยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวถึงกับทรงพระกรรณแสง เพราะเป็นที่รู้กันตามประวัติศาสตร์ว่า ในบรรดาพระมเหสีและเจ้าจอมทั้งหลายนั้นสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวีหรือที่เราคนไทยคุ้นกับพระนามของพระองค์ว่า พระนางเรือล่มนั้นทรงเป็น ที่รักและโปรดปรานยิ่งของ องค์พระพุทธเจ้าหลวง




ที่มาของเอกสารฉบับนี้    
www.oknation.net  
phichetchai.blogspot.com



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น